เมนู

6. ปาสราสิสูตร


[312] ข้าพเจ้าได้ฟังมาอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ที่พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงนุ่งสบงถือบาตรจีวร เสด็จเข้าไปยังกรุงสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต. ครั้ง
นั้น ภิกษุหลายรูปเข้าไปหาท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านอานนท์ พวกข้าพเจ้า
ได้ฟังธรรมีกถา เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นเวลานานมาแล้ว ขอ
ให้พวกข้าพเจ้าได้ฟังธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด.
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ขอพวกท่านจงไปสู่อาศรมของ
พราหมณ์ชื่อรัมมกะ จึงจะได้ฟังธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ภิกษุเหล่านั้น ได้รับคำท่านพระอานนท์แล้ว.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปบิณฑบาตที่กรุงสาวัตถี กลับ
จากบิณฑบาตในเวลาปัญจฉาภัตนี้แล้ว ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า
อานนท์เราจะไปพักผ่อนกลางวันที่ปราสาทแห่งมิคารมารดา (นางวิสาขา) ที่
บุพพาราม. ท่านพระอานนท์ได้ทูลรับพระดำรัสแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้ากับ
ท่านพระอานนท์ได้เสด็จไปพักผ่อนกลางวันที่ปราสาทแห่งมิคารมารดาที่บุพ-
พาราม เวลาเย็นเสด็จออกจากที่พักผ่อนแล้วตรัสเรียกท่านพระอานนท์มาตรัส
ว่า อานนท์ เรามาไปสรงน้ำที่ท่าบุพพโกฏฐกะ1 ท่านพระอานนท์ได้ทูลรับ
พระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้ากับท่านพระอานนท์ได้เสด็จไปสรงน้ำที่ท่า
บุพพโกฏฐกะ. สรงเสร็จแล้วจึงกลับขึ้นมาทรงจีวรผืนเดียวประทับยืนผึ่งพระองค์
อยู่. ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า พระเจ้าข้าอาศรมของพราหมณ์ชื่อรัมมกะอยู่
1. ท่าอาบน้ำตั้งอยู่ด้านปราจีน มีหาดทราบขาวสะอาดเป็นที่อาบน้ำ 4 ที่ สำหรับ
กษัตริย์ ชาวเมือง พวกภิกษุ และพระพุทธเจ้า ไม่อาบรวมกัน.